วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

จะล้ม หรือจะลุก ขึ้นอยู่กับผู้นำ

ช่วงนี้เป็นช่วงปลายปีอีกแล้ว หลายๆ บริษัทคงจะกำลังจัดทำงบประมาณประจำปี และก็กำหนดเป้าหมาย
การทำงานของบริษัทในปีถัดไป เคยลองย้อนกลับไปดูผลงานของบริษัทตัวเองในปีที่ผ่านมาหรือไม่ ว่า
ผลงานที่ได้ออกมานั้นเป็นอย่างไร บริษัทจะสามารถอยู่รอดต่อไปได้อีกนานแค่ไหน

จากประสบการณ์การทำงานของผมที่ผ่านมา ผมมองว่า ผู้นำขององค์กรเป็นบุคคลที่มีความสำคัญมากต่อการ
บรรลุเป้าหมายขององค์กร กล่าวคือ ถ้าผู้นำมีความเชื่อมั่น มีการสร้างพลังใจ ปลุกพนักงานให้มีความตื่นตัว
มีความพยายาม และทะเยอทะยานแล้ว การบรรลุเป้าหมายขององค์กรก็คงไปได้อย่างไม่ยากนัก

แต่ถ้าในทางตรงกันข้าม ผู้นำที่ไม่มีความมั่นใจในตนเอง ไม่ไว้ใจลูกน้อง หรือพนักงานเลย ทำงานมีแต่
ทัศนคตที่ไม่ดี อะไรก็ไม่ได้ ทำไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ผมว่า ร้อยทั้งร้อย บริษัทนั้นไม่มีทางไปสู่เป้าหมาย
ที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน

ผมเคยทำงานอยู่บริัษัทแห่งหนึ่ง ตอนที่ประชุมร่วมกับกรรมการผู้จัดการของบริษัืทในเรื่องของการประเมินผล
การทำงานในปีที่ผ่านมา ตอนนั้นผ่านมาแล้ว 6 เดือน ตัวกรรมการผู้จัดการเอง เปิดการประชุมได้อย่าง
ประทับใจพนักงานมาก คือ พูดว่า "ผมว่าปีนี้เราไม่ถึงเป้าที่เราตั้งไว้อย่างแน่นอน" ถ้าท่านเป็นพนักงาน
ทา่านจะมีความเห็นอย่างไรกับคำพูดนี้ที่ออกมาจากปากของผู้นำของบริษัท??

สิ่งที่ผมสังเกตเห็นก็คือ ผู้ัจัดการฝ่ายคนอื่น ก็เริ่มที่จะทำหน้าเซ็งๆ แบบว่าไม่มีแรงทำงาน มีบางคนก็บอกว่า
ถ้าไม่ได้ก็ํไม่ต้องไปทำอะไรมันต่อไปแล้ว หรือไม่ก็มีคำถามต่อมาว่า "ถ้างั้นจะให้ผมทำยังไง"

สิ่งที่ผมเห็นจากการประชุมครั้งนั้นก็คือ บรรยากาศในการประชุมมีแต่ความเงียบ ไม่มีใครแสดงความคิดเห็น
อะไรเลย นอกจากความเงียบเท่านั้น แล้วแบบนี้บริษัทจะไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างไร

ผิดกับอีกบริษัทที่ผมได้ทำงานร่วมกับกรรมการผู้จัดการอีกท่านหนึ่ง ท่านเป็นคนที่ให้กำลังใจลูกน้องอย่าง
สม่ำเสมอ เวลาประชุมทีมบริหาร ก็จะพูดในลักษณะที่เป็นการสร้างกำลังใจ สร้างพลังใจ และสร้างความ
มั่นใจร่วมกันในหมู่ทีมงานด้วยกันเอง จนทำให้ทีมงานมีแรงฮึดสู้อย่างไม่เคยเห็นมาก่อน

สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ จากบริษัทที่ขาดทุน ก็เริ่มเป็นเท่าทุน และมีกำไรต่อเนื่อง

ผมเคยขับรถไปตามถนนที่เลียบข้างมอเตอร์เวย์ ซึ่งเป็นถนนสองเลน สวนกัน และก็มีรถคันหนึ่งซึ่งอยู่ด้านหน้า
ผมประมาณ 5 คัน ขับช้ามาก ประมาณ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเลนที่วิ่งสวนมาก็มีรถแล่นตามกันมา
มากมาย จนไม่สามารถแซงขึ้นไปได้ ด้านหน้าของรถคันที่ขับช้าันั้น ไม่มีอะไรเลย มีแต่ถนนที่ทอดไกล
และว่างเปล่า แต่ท่านเองก็ยังคงขับอยู่ในความเร็วเท่าเดิม

ถ้าเปรียบเทียบรถคันดังกล่าวเป็นผู้นำ จะเห็นว่าผู้ตามที่ตามมาก็ต้องตามไปอย่างช้าๆ เพราะไม่มีทางที่จะแซง
ขึ้นหน้าไปได้เลย แต่ถ้าคันนั้นสามารถขับเร็วขึ้นได้อีกซักหน่อย ผู้ตามก็จะถึงจุดหมายที่ทันเวลาเช่นกัน

หากกรณีที่ผู้นำช้า่มากๆ ผมว่า น่าจะเปิดทางให้กับคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดความอ่านที่ดี นำองค์กรได้ ขึ้นมา
ทำหน้าที่นำทางน่าจะดีกว่า

สรุปก็คือ ถ้าคุณเป็นผู้นำในองค์กร สิ่งที่จะต้องทำให้พนักงานเห็นก็คือ ทำตนให้เป็นตัวอย่างที่ดี และสร้าง
พลังใจให้เกิดขึ้นในหมู่พนักงานให้ได้ ไม่มีการใช้คำพูดที่บั่นทอนกำลังใจพนักงาน แล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะ
ไปยังเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=hrman&month=12-2007&date=18&group=2&gblog=4

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น