วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จแค่ไหน

เคยคิดไหมว่า ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จแค่ไหน แต่ถ้า"อ้วน" ก็ถือว่า "ล้มเหลว" ?

วันนี้ อยู่ๆก็คิดอะไรได้ขึ้นมา ด้วยความที่เป็นคนท้วมอยู่พอสมควร เมื่อก่อนตอนอยู่เมืองไทยรู้สึกตลอดเลยว่า เรามันเป็นคนผิดปกติ ทำให้ไม่กล้าไปไหนมาไหน ไม่กล้านัดเจอเพื่อนเพราะกลัวโดนทักว่าอ้วน แต่พอไปอยู่อเมริกามา รู้สึกว่า self-image ของตัวเองดีขึ้นเยอะมากๆ เพราะพอเราไปอยู่ที่นู่น เรากลายเป็น "คนธรรมดา" ไม่เห็นจะอ้วนอะไรเท่าไหร่ จริงอยู่ที่ไม่ใช่หุ่นนางแบบ แต่ก็ไม่ได้ morbidly obese ก็แล้วกัน อยู่ๆไปก็รู้สึกว่าเราเองก็ดูดีใช้ได้อยู่ ทำให้กล้าแต่งตัวกล้าไปไหนมาไหน รู้สึกenjoyชีวิตเยอะมากๆ แต่พอกลับมาอยู่เมืองไทยไม่นาน ก็รู้สึกเหมือนเดิมอีกแล้ว รู้สึกว่าไม่ว่าจะทำอะไร ประสบความสำเร็จแค่ไหน แต่ถ้าเธอยังอ้วนอยู่ เธอก็failกับชีวิตนะ

ไม่อยากจะโทษสังคมไทยหรอกนะคะ แต่มันทำให้เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ก็เป็นไปได้ว่า อาจจะเป็นเพราะเราโตมาที่นี่และความรู้สึกที่มันฝังมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วัยรุ่น เลยย้อนกลับมาได้ง่าย เมื่อเรากลับมาอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดิมๆ เพราะสมองคนเรามักจะจำอะไรในcontextอยู่แล้ว คือไม่ได้จำอะไรโดดๆ มันจะมากับสิ่งแวดล้อมที่เกิดสิ่งนั้นๆเสมอ มันก็เป็นไปได้ที่พอกลับมาเจออะไรเดิมๆ ก็เลยทำให้ความรู้สึกเดิมๆกลับมาอีก

แต่ ที่สงสัยก็เพราะว่า เราเองก็ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร อย่างน้อยก็ได้จบปริญญาโทที่ฮาร์วาร์ด แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ บางทีก็รู้สึกกดดันว่า ทำไมเราถึงไม่ลดน้ำหนักซะที ขีวิตจะได้perfect เรียนก็ดี หน้าตาก็โอเค แต่ดันอ้วน ซะงั้น

เคยคุยกับเพื่อนๆที่ อเมริกาเหมือนกัน เรื่อง self-image ที่นู่นก็มีปัญหาไม่แพ้กันหรอก เพียงแต่คนที่เขาจะถือว่าอ้วนที่นั่น คือ อ้วนจริงๆ จากการศึกษาก็พบแล้วว่า การที่มีself-imageไม่ดี ยิ่งทำให้อ้วนมากขึ้นไปอีก ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองอ้วน ก็จะลด แต่พอลดไม่ได้ ก็จะเศร้า เศร้าแล้วก็กิน กลายเป็น vicious cycle ไป ยิ่งไปกว่านั้นงานวิจัยสรุปแล้วแน่นอนว่าการdietทำให้น้ำหนักขึ้น ในระยะยาว

เรา อ่านหนังสือและบทวิจัยเรื่องนี้มาพอสมควรจนเข้าใจว่า จริงๆแล้วมันไม่ใช่เรื่องของwill power หรือ discipline อะไรทั้งนั้น คนทั่วไปมักเข้าใจว่า ถ้าแค่หักห้ามใจได้ ควบคุมตัวเองได้ ก็ต้องลดน้ำหนักได้ ที่เป็นอย่างนี้เพราะมันดูเหมือนเ็ป็น common sense แต่จากการศึกษาทางจิตวิทยาพบว่า มีคนที่ประสบความสำเร็จเยอะแยะที่มีปัญหาเรื่องนี้ ทั้งๆที่การที่จะประสบความสำเร็จในสาขานั้นๆ จำเป็นต้องมีdisciplineเป็นอย่างมาก ฉะนั้นมันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่คนเหล่านี้จะมีdisciplineไม่พอที่จะลด น้ำหนัก

ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคน ลงความเห็นว่า การมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวเป็นเพียง "อาการ" ของปัญหาที่อยู่ลึกกว่านั้น เคยอ่านเจอในหนังสือว่า จริงๆคนที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนัก ก็เป็นเพราะมีบางอย่างในชีวิตที่มันขาดหายไป เลยพยายามหาอะไรมาทดแทน ซึ่งในบางคนก็อาจจะเป็นดื่มเหล้า สูบบุหรี่ แต่บางคนก็เป็นอาหาร

สิ่ง ที่ทำให้เราไม่ชอบอย่างหนึ่งก็คือ ทำไมการมีปัญหาเรื่องน้ำหนักถึงเป็นที่ "ดูแคลน" ของคนในสังคม มากกว่าการมีปัญหา เรื่องติดเหล้า ติดบุหรี่ หรือ ติดเกมส์ซะอีก ทุกอย่างก็ล้วนแต่เป็น soothing mechanismของคนทั้งนั้น เพียงแต่ว่าเรื่องน้ำหนักมันอาจจะเห็นได้ชัดกว่าเท่านั้นเอง

เคย ได้คำเตือนมาว่า เวลาที่เราคิดจะลดน้ำหนัก ลองคิดดูก่อนนะว่า จริงๆเรากำลังเจอปัญหาอะไรอื่นในชีวิตอยู่หรือเปล่า เพราะคนที่มีself-imageที่ไม่ดี มักจะใช้ข้ออ้างเรื่องนี้ มาเป็นข้ออ้างเรื่องปัญหาอื่นในชีวิต เช่น เข้ากับเพื่อนไม่ได้ ก็คิดว่าเป็นเพราะเรื่องน้ำหนัก มีปัญหาที่ทำงานก็คิดว่าเพราะเรื่องนี้ด้วย อาจจะไม่ได้คิดว่าเป็นเพราะเรื่องน้ำหนักทั้งหมด แต่คิดว่ามีส่วน แล้วก็คิดที่จะลดน้ำหนัก เพราะเป็นเรื่องที่คุ้นเคยกว่า มันง่ายกว่าที่คิดว่าจะลดน้ำหนัก แทนที่จะคิดแก้ปัญหาเรื่องที่ทำงาน จริงไหมคะ?

ตอนนี้ก็เลยพยายามมาคืดดูว่า มีส่วนไหนของชีวิตที่เรารู้สึกไม่พอใจหรือเปล่า เราถึงได้อยากลดน้ำหนัก เราคิดถึงวันที่อยู่ที่อเมริกาอย่างมีความสุขโดยไม่ต้องคืดว่า วันนี้ทำตัวดี เพราะกินน้อย วันนี้ทำตัวแย่เพราะกินเยอะ แต่อยู่อย่างไม่หมกมุ่นเรื่องอาหาร แล้วก็น้ำหนักไม่ขึ้นเลย ตอนนี้ก็ยังคงต้องพยายามคิดต่อไปว่า ชีวิตเรากำลังขาดอะไรอยู่กันแน่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น