วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Do not ask the world to change

“Do not ask the world to change, Change your self”
ที่ผ่านมาของปี เมื่อย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับตัวเองว่า...

ไม่ มีใครรู้อนาคต... นั่นเป็นเรื่องจริง, และในบางครั้งสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยที่ไม่คาดถึงมาก่อน หากย้อนเวลากลับไปได้ แล้วเปลี่ยนแปลงในบางสิ่ง.. บางที โลกนี้อาจจะไม่มีสงคราม..... แต่ก็ไม่แน่.... เพราะใครๆ ก็ต้องการให้ตัวเองสมหวัง หากนาฬิกาถูกหมุนย้อนเวลากลับไป สงครามอาจจะรุนแรงกว่าเก่าก็เป็นได้... จะว่าไปแล้ว ก็เป็นเรื่องดีแล้วที่...

“เวลาไม่สามารถย้อนกลับได้ เท่ากับที่ไม่มีใครล่วงรู้ถึงอนาคต”



และมันเป็นความจริงที่ว่า, ต่อให้เราอยากย้อนเวลากลับไป ถึงแม้จะเพื่อ “แก้ไขในสิ่งผิด” แต่ชีวิตก็ไม่เอื้อให้เราทำเช่นนั้นได้....ดังนั้น สิ่งที่เราจะเตือนตัวเองได้ก็คือ “คิดให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป เพราะเราไม่สามารถที่จะกลับไปแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วได้นอกจากรอรับมือ กับมัน”



ชีวิต ของคนเราไม่ยืนยาวนัก เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะถึงวันสุดท้ายของชีวิต จึงควรใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความระแวดระวัง และด้วยความไม่ประมาท

หาก นับ “ชั่วโมง” จากนี้ไป... อีกเพียงไม่นานเท่าใดนัก จะมีพลุไฟหลากสีตระการตาให้ได้เห็น ให้ได้ฉลองการเริ่มต้นใหม่... หลายคนถือเอาปีใหม่เป็นการเริ่มต้นใหม่ในหลายอย่าง... แน่นอน, การเริ่มต้นใหม่ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายเลยสักนิด... ชีวิตมีขึ้นมีลง มีพลาดมีผิด แต่ถือเอาผิดเป็นครูแล้วเรียนรู้เพื่อแก้ไข การเริ่มต้นใหม่จึงควรเป็นการเริ่มต้นที่ดีกว่าเดิม... เมื่อเกิดมามีชีวิตก็ต้องดำเนินชีวิตร่วมกับสรรพสิ่งในโลก, มนุษย์จะพ่ายแพ้ที่ “ใจ” แต่สรรพสิ่งในโลกนี้ไม่รู้จักคำว่าแพ้...

ชีวิต มีสองด้านเสมอ ขณะที่กำลังดีใจกับความสำเร็จที่มีอยู่ ก็ต้องเผื่อใจสำหรับความผิดหวังที่จะเกิดขึ้นเสมอ มันมาคู่กัน ไม่เคยมาเดี่ยวๆ เลย ไม่เสียหายหรอกที่จะมองอะไรในมุมกลับบ้าง คนที่มองสิ่งต่างๆ อย่าง

ใส่ใจ ก็ย่อมมองเห็นความน่าสนใจในสิ่งที่มองเห็นนั้นไม่ยาก

หน ทางที่จะไปสู่ความสำเร็จ มิได้มีเพียงเส้นเดียว ยังมีทางใหม่ๆ ที่ยังไม่มีใครบุกเบิกแผ้วถาง มันอาจจะเหนื่อยยาก ลำบาก แต่สุดท้ายมันก็เป็นความภาคภูมิเพราะเราเป็นผู้สร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเรา เอง.... และเพราะคนเราไม่สามารถมองอนาคตได้ทะลุปรุโปร่ง ดังนั้นเราจึงไม่ควรเศร้าเสียใจกับความล้มเหลวมากจนเกินไป จนไม่รู้สำนึกว่าโอกาสมีความสำคัญมากเพียงไร โอกาสในปัจจุบันย่อมสำคัญกว่าอนาคต จงฉกฉวยไว้ให้ได้ก่อนที่จะกลายเป็นเพียงความทรงจำ และการจะปล่อยให้แต่ละวันของชีวิตผ่านไปอย่างไร้ค่าหรือว่าจะเก็บไว้ในความ ทรงจำนั้นเราสามารถทำได้ทั้งนั้น...

ความล้มเหลวจะมีผลร้ายต่อเราก็ต่อเมื่อเรายอมแพ้แก่มัน เรามีโอกาสที่จะตั้งต้นใหม่เสมอ



ปกติ ชีวิตมนุษย์ ความสมหวัง ผิดหวังอยู่คู่เราตลอดเวลา หากเรามีความหวัง เราต้องเผื่อใจไว้ผิดหวังเสมอ เพราะเมื่อเราต้องเผชิญกับความผิดหวัง เราจะได้มีหัวใจเหลือเผื่อเริ่มต้นหวังอีกครั้งหนึ่ง เพราะชีวิตที่แตกต่างไม่ได้หมายถึงปมด้อยเสมอไป หากเรารู้จักคุณค่าของตัวเองและทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดให้ดีที่สุดแล้ว เราก็สามารถสร้างชีวิตให้มีคุณค่าและประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

อย่า เอาความคิดของคนอื่นมาฝังใจมาก ถ้าคนติ ควรคิดให้ดีๆ อย่าน้อยใจ บางทีคนพวกนี้เขาก็เป็นครูเรา เขามองเห็นในสิ่งที่เราพลาดไป อย่าคิดว่าเราใช้ไม่ได้ เพียงแต่เรายังไม่รู้จักตัวเอง และการยอมรับความจริงเท่านั้นที่จะทำให้พบความจริง จะได้แก้ไขในสิ่งที่ไม่ดีจริงๆ ของเราให้เป็นอะไรที่ดีแท้จริง ทุกคนชื่นชมจริงใจ ไม่ใช่จำใจชมเพราะคนดีอ่านกันยาก เราจะมั่นใจว่าใครเป็นคนดีไม่ได้ จนกว่าจะได้คบหากับเขาและให้เวลาพิสูจน์เขาด้วย เพราะทุกคนมีความผิดของตัวเองทั้งสิ้น ใครแสวงหาเพื่อนที่ไม่บกพร่องเลยจะไม่พบเพื่อสักคน เรารักตัวเองอย่างไม่คำนึงถึงความผิดของตัวเอง แล้วเราจะรักเพื่อนของเราอย่างนี้บ้างไม่ได้หรือ?

แน่ล่ะ เราสามารถตั้งความหวังกับอะไรก็ได้ แต่ไม่ควรคาดหวังกับมันมากนัก เพราะบางทีมันอาจผิดคาด คนเรา… มักจะอยู่กับความฝันของวันพรุ่งนี้ มากกว่าความจริงที่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่อย่าปล่อยให้ความขลาดกลัวทำให้เราต้องอยู่ข้างหลังเส้นทางแห่งการต่อสู้ อย่าปล่อยให้วันเวลาสูญเปล่า เพราะละทิ้งโอกาสอันดีงามที่จะพิสูจน์ตนเอง

เมื่อ ทำอะไรพลาดไปก็จงเสียใจบ้างเพื่อให้เป็นบทเรียน แต่ไม่ใช่มากจนเสียคน หรือเป็นภัยต่อตนเอง ชีวิตคนเรา อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แต่อะไรที่เกิด เรามักไม่ค่อยอยากให้เกิด.... แต่อย่างไรก็ตาม พยายามอย่ามองย้อนหลังและเศร้าโศกกับอดีต มันผ่านไปแล้ว และไม่ต้องหนักใจต่ออนาคต เมื่อมันยังมาไม่ถึง ชีวิตคือวันนี้ เมื่อทำให้มันสวยงาม ก็ย่อมมีค่าต่อความทรงจำ

ความสำเร็จ ไม่ได้อยู่ที่ชื่อเสียง เกียรติยศ หรือทรัพย์สินเงินทอง

แต่อยู่ที่ความพึงพอใจในการดำรงชีวิตต่างหาก

คน แต่ละคนก็เหมือนหนังสือแต่ละเล่ม ที่มีความแตกต่างกันไป บางเล่มเราสามารถคาดเดาได้ เพียงแค่อ่านจากปกนำเท่านั้น แต่หนังสือบางเล่ม แม้เราจะอ่านไปเกือบครึ่งเล่มเราก็ไม่อาจเดาเรื่องราวแม้แต่ในบรรทัดต่อไป ได้เลย แต่ทว่าหนังสือทุกเล่มก็ยังมีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือ ข้อคิดที่แฝงอยู่ในหนังสือเล่มนั้น

ให้เราได้ค้นหา เหมือนกับทุกคนที่ต่างก็มีเสี้ยวชีวิตที่น่าสนใจให้ศึกษา

ความ ใฝ่ฝันกับความหวังนั้นไม่เหมือนกัน เพราะความใฝ่ฝันนั้นอยู่ไกลความจริงมากกว่าความหวัง คนเราทุกคนล้วนมีความใฝ่ฝัน แต่จะยกระดับความใฝ่ฝันให้เป็นความหวังได้ ต้องลงมือทำ บางคนอาจจมจ่อมอยู่กับความใฝ่ฝันจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิตโดยไม่ได้ลงมือทำ แต่บางคนไม่อาจะทนได้แม้วินาที หากไม่ได้ทดสอบว่าความใฝ่ฝันของเขาจะเป็นจริงได้หรือไม่ ขอเพียงได้ลอง แม้จะหกล้ม เจ็บตัวบ้าง ก็คุ้มค่ากับการพิสูจน์



หนทางของชีวิตไม่ได้มีเส้นเดียวก็จริงอยู่ แต่เส้นที่เดินนั้น เดินมันทุกตารางนิ้วหรือยัง


* * * * ขอให้ปีใหม่ที่จะมาถึงในไม่ช้านี้เป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ “มั่นคง” ในการก้าวแต่ละก้าว กว่าที่ผ่านมา * * * *

+

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น