วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สูตรชีวิตไม่ได้คิดด้วยความฝัน

.


.

.

หาดที่ปราศจากแสงแดด แต่กลิ่นและไอเค็มยังอิ่มเต็มในกลิ่นแดดที่มืดสนิท

เย็นนี้จังหวะดี ไม่มีอะไรค้างในใจ ระหว่างบ้านกับร้านกาแฟที่กำลังจะไปอยู่ห่างกันราวสี่กิโลเมตร ในความเร็วระดับหนึ่งของจักรยาน ผมลองปรับเกียร์ที่มันมีตั้งยี่สิบสี่เกียร์เล่นๆ บนทางเลียบหาด

เกียร์ที่ติดมากับจักรยานไม่เคยได้ใช้ครบทั้งหมดสักครั้ง เคยรู้สึกว่าบางที มันเกินความจำเป็น รายละเอียดของการปรับความเร็ว มันไม่มีเข็มไมล์วัดบ่งบอกอะไรให้เรารู้ ความรู้สึกและความเหนื่อยจากแรงถีบเท่านั้นที่บ่งบอกตัวเราเอง

ช่วงจังหวะดีๆ คนเรามันฟุ้งฝันกันไปไกลถึงไหน มักพอใจและมองใครๆ เลือกเอามาเป็นฮีโร่ไว้ประดับความฟุ้งฝันกันเสมอๆ

แต่ละวัน เรามีจังหวะชีวิตที่ช้าเร็วไม่เสมอกัน ผมกำลังนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟร้านหนึ่ง ที่ทำให้รู้สึกว่า มันคล้ายกับจักรยานที่ผมเพิ่งขี่มาระหว่างทางจากบ้านมาร้านนี้ที่อยู่ห่าง กันราวสี่กิโลเมตร

ผมไม่น่าถาม ถึงที่มาของชื่อร้าน
ก็เปิด หกโมงเช้านี่ครับ ก็เลยใช้ชื่อนี้ เสียงทุ้มๆ เอ่ยมาจากหลังเคาน์เตอร์ที่มีเครื่องชงกาแฟตั้งอยู่ ข้างหลังไกลๆ มีตู้ไฟประดับเป็นชื่อร้านไว้ว่า 'Six Oclock'


คิดมาเยอะ ตอนตั้งชื่อ คิดไปคิดมา เอาอันนี้แหละ ขี้เกียจแล้ว เอาเวลาไปคิดเรื่องอื่นดีกว่า

เสียงผู้ชายร่างใหญ่หัวเกรียน น้ำหนัก 130 กิโลฯ เขาชื่อพี่ปุ๊ย เป็นเจ้าของร้านและยืนชงกาแฟให้อยู่ ตอบออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ ผมนึกไปถึงร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น นี่มันคงมีที่มาเดียวกันมั้งที่เอาเวลาเปิดมาตั้งชื่อร้าน(แต่ปัจจุบันไม่มี เวลาปิดเปิดแล้วเพราะดันเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง)หรือน้ำอัดลมยี่ห้อ เซ่เว่นอัพ ล้มแล้วลุกมาเจ็ดครั้งหรือเปล่า

ขณะเดียวกัน จันรำไพ สร้างมุมความรู้สึกถึงการซ่อนความหมายไว้ในชื่อของเธอ จันรำไพ-ใจรำพัน หรือผมคิดไปเอง แต่มันก็ทำให้อดนึกถึงเจ้าของตัวหนังสือไม่ได้ ที่พรรณนาแต่ละวรรคไว้ดั่ง
ใจรำพัน นะคุณจันรำไพ


วิฟครีมสีขาวที่โรยหน้าไว้ด้วยอบเชยกลิ่นฉุนๆ ปิดหน้ากาแฟอยู่ในถ้วยตรงหน้า นั่นคือเวียนนิสแคปปูชิโน่ ส่วนเค้กชิ้นโตในตู้ อวดโฉมได้สวยงาม สักชิ้นคงบรรเทาอาการหอบให้หายเหนื่อยไปได้บ้าง แต่เห็นหน้าคนชงกาแฟแล้วอยากรู้บ้างว่าเขาเหนื่อยไหม

เหนื่อย ครับ เหนื่อยมาก ผมตื่นตั้งแต่ตีสี่ทุกวัน มาเตรียมของ เปิดร้าน หกโมงเช้าคนก็เริ่มทยอยมาแล้ว หกโมงนี่ร้านผมต้องพร้อมแล้ว ทีแรกทำร้านเหล้า เปิดมาเจ็ดปีแล้วก็เลิก ไม่ใช่ไม่ดี แน่นทุกคืนนะครับ ทุ่มนึงโต๊ะก็เต็มแล้ว

ที่บ้านขอร้อง ทำอะไรก็ได้ แต่ขออย่างเดียวอย่าทำร้านเหล้า ต้องหยุดครับ ถ้าแม่ขอ ผมต้องให้ ผมเชื่ออย่างนี้ ถ้าผู้ใหญ่พูดไม่ฟังนี่ ผมว่ามันเละนะ สังคมมันจะไม่รอด


เขาคิดวางแผนอยู่พักหนึ่ง และเริ่มนึกถึงร้านกาแฟและขายอาหารเช้าด้วย และก็เริ่มเรียนรู้และลองฝึกจากเครื่องชงกาแฟสดที่ซื้อมาหัดที่บ้าน ทดลอง หาสูตร กับหลายๆ ยี่ห้อ จนมาลงตัวกับยี่ห้อหนึ่ง

มีคนเล่าว่า พี่คนนี้ ละเอียดมาก ไส้กรอกยังต้องเลือก ซื้อมาซะทุกยี่ห้อ ทดลองทำกัน ชิมกันจนได้สิ่งที่คิดว่าดีที่สุด

" แม่ผมสอน ถ้าไม่รู้ก็ต้องลอง ถ้ามัวแต่นั่งคิด ว่าอันนี้ดี อันนั้นดี แล้วซื้อมาที่คิดว่าดี แล้วไอ้อันที่ไม่ได้ซื้อล่ะ มันอาจจะดีกว่าก็ได้ ซึ่งถ้าไม่ได้ลองก็ไม่มีทางรู้เลย วิธีการที่ง่ายก็คือ ไม่ต้องคิดมาก ก็ซื้อมันมาซะสองอันนี้แหละ หรือทั้งหมดที่มี ลองมันซะทุกอย่าง ชอบอันไหนก็เลือกเอาอันนั้น" เขาว่างั้น

ผงชูรสไม่เคยใช้ แต่เกลือขาดไม่ได้...และน้ำล้างผัก ผมใช้เปลืองกว่าอาบน้ำอีก

ทำอาหารไม่ยากหรอก ผมมันลูกทุ่ง ก็ไม่เคยเรียนในสถาบันใดๆ เลยนะ ไอ้คนค่อนโลกก็ไม่ได้เรียนทำอาหาร เขายังทำกินกันได้เลย ก็ลองทำมั่วๆ ไป น้ำสลัดนี่ก็มั่ว ทำไปทิ้งไป กว่าจะได้ก็เสียไปเยอะ แต่พอได้แล้ว มันกลายเป็นสูตรของเรา ที่ใครจะจดไปทำมันก็ออกมาไม่เหมือนกันอยู่ดี


ไม่ใช่เฉพาะเรื่องอาหาร โต๊ะ-เก้าอี้ไม้ในร้าน ได้ถูกต่อจากฝีมือของช่างทำเรือที่เขาเลือกเอง
ไอ้คนทำโต๊ะนี่ก็ไม่ใช่เล่นๆ นะ ไม้ไม่ดีมันก็ไม่ทำ แต่ฝีมือเขานี่ต้องยอมรับ ตู้แช่เค้ก จาน ช้อน ที่ล้วนมีเรื่องเล่าและที่มาที่เฟ้นหามาทั้งนั้น ส่วนประกอบในร้านเล็กๆ จึงดูลงตัว ภาพที่ใครๆ เห็น เหมือนเคาะออกมาจากหัวของเขา

วันนี้โชคดี เพื่อนของพี่ปุ๊ยที่เคยทำร้านอาหารและขายเหล้ามาด้วยกันแวะมาเยี่ยม จากกรุงเทพ และก็มีแม่ครัวมือหนึ่งของเขา แวะมาเยี่ยมพูดคุย พร้อมยืนยันความพิถีพิถันในการเลือกแต่ละอย่าง ใส่ใจทุกกระบวนการ

"เล็บยาวไม่ได้เลยนะ แกจะเข้ามาในครัว เดินขอดูเล็บทุกคน" แม่ครัวพรว่าอยางนั้น

ทะลุบุคลิกภายนอกที่ดูหยาบๆ ห่ามๆ เสื้อแสงไม่ใส่ ใครๆ ก็ไม่มองตรงนั้น เขาว่าลูกค้าเขาเข้าใจ ยอมรับเขาได้ แต่ถ้าลูกค้าใหม่คงมีเคืองๆ กับวิธีการของเขา

แต่พอมองทะลุเข้าไปแล้ว วิถีทางที่ดูง่ายๆ กลับมีเสน่ห์น่าสนใจ และไม่ง่ายที่จะทำให้คนอื่นเห็นจนอิจฉา

ยิ่งกว่านั้นผมคิดไปได้ว่า คนเราควรค้นหาสูตรของตัวเองด้วย ไม่ว่าเรื่องไหนๆ อาหารสักอย่างปรุงด้วยวัตถุดิบเหมือนๆ กัน แต่ออกมาหน้าตารสชาติกลับต่างกัน ด้วยต้นทุนความเป็นตัวเองมันย่อมแตกต่างกัน ไฟที่ขับเคี่ยวอยู่ภายในก็ต่างกัน

มันยากเกินไปสำหรับผม แม้เคยคิดฝันถึงร้านแบบนี้ แม้มันจะไม่ใหญ่โตนักก็ตาม แต่กับพี่ปุ๊ย คุยกันมา ผมยังไม่เคยได้ยินว่า ร้านนี้เป็นความฝันที่อยากทำ

แต่ความจริงจังและการลงมือทำ ชัดเจนมากกว่ากับการตั้งโจทย์ว่าอะไรเป็นความฝัน บางทีเราควรค้นหาคำตอบให้ตัวเองกับโจทย์ใหม่ซึ่งไม่ใช่โจทย์แบบเดิมๆ การลงมือค้นหาและทำมันให้ชัดเจนขึ้นทุกวันนั่นอาจเป็นคำถามและคำตอบที่แท้ จริง

http://lonelysyndrome.exteen.com/20070329/entry

.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น