วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ปอกเปลือกความทุกข์

"ความเศร้า
ถูกปอกเปลือก
คือความว่างเปล่า"

จากแคนโต้ "หลับใหลอย่างเงียบงัน บท 12

.


Old town, Shanghai 2008, Photo by lonelysyndrome




เพราะบ้านเรามีรั่วอันเดียวกัน เพราะเขาเสียงดัง
เราจึงรับฟังและเข้าใจกระบวนการความคิดของคนๆ หนึ่งตลอดเวลา
ผู้ใหญ่ที่อายุราวสี่สิบ เป็นแม่ที่มีลูกโตจนมีเมียได้แล้ว
แต่ลูกชายหัวแหวนก็เหมือนโตแต่ตัวเช่นเดียวกับแม่
ที่ชอบแทงคนอื่นลับหลัง และมองเห็นคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัวตัวเองเลวร้ายไปหมด
คำพูดคำจาเหมือนคนที่ใจแคบและเล็กเท่าหัวไม้ขีดไฟ
พร้อมคอยจะจุดเผาให้วอดวาย
คนโดนเผาลับหลังคงไม่มอดไหม้ หากไม่ได้ยิน

แต่วานนี้ ผมโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้
เป็นคราวของผม แม่ลูกใส่ผมไม่ยั้ง
ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าคนที่กำลังถูกเผาเขาอยู่นั้นยืนอยู่อีกฝั่งของกำแพง

ใจคนทำไมเหี้ยมเกรียม ใจร้าย
ผมรู้สึกอย่างนั้น ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้สักนิด
ก็แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต ที่เราคิดว่าควรจะพูดสักทีในวันนั้น
แค่เรื่องเล็กๆ ที่ผมขอร้องว่า ช่วยดูเศษกิ่งไม้ใบไผ่ของบ้านเขาที่ตัดหน่อยนะครับ
ก็รู้สึกขอบคุณที่ตัดไม้ที่ละมาบ้านผมให้
แต่ไม่ควรทิ้ง กองเต็มไปด้วยเศษใบไม้กองไม่น้อยทั้งหมดมาในบ้านผม
หากเป็นครั้งแรกคงไม่พูด แต่นี่เป็นเหตุการณ์ซ้ำสอง
คนใกล้ชิดบอกว่าควรพูดได้แล้ว
ผมจึงได้พูดในสิทธิบนพื้นที่ของตนเอง

สองแม่-ลูกชายไม่พอใจ เขาด่าลับหลัง แทงข้างหลัง
และสนุกสนานกับการใส่อารมณ์ระหว่างแม่กับลูกชายใจแคบ

ไอ้ควาย ไอ้เ_ย ไอ้โง่ มันโง่นะเนี่ย ไม่มีการศึกษา จบโทสะเปล่า
มหาลัยเขาไม่สอนหรอว่ะผู้หลักผู้ใหญ่ไม่เคารพ มันร้ายนะ ไอ้หมอนี่ .....

ผมนิ่งฟังอยู่ใกล้ๆ ของอีกผั่งกำแพง
ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาก็น่าจะมีการศึกษาเช่นกัน และเราก็เลือกแล้ว
ที่จะอยู่ในเขตที่น่าจะเจริญพอ หรือผมเพียงแต่มองเปลือกนอก
ว่าหมู่บ้านน่าอยู่และเพื่อนบ้านก็น่าจะดี
จนผ่านมาและรู้ว่า ผมซวยเอง ที่เป็นบ้านผมที่ได้รั่วเดียวกับบ้านนี้
เพราะทุกเช้า จะได้ยินเสียงของตัวแม่ที่ดุ ด่า ว่า สามีและลูก
และพอบ่ายก็เป็นทีของเพื่อนบ้านและคนรู้จัก

ใจคนทำไมโหดเหี้ยม คิดร้ายกับคนอื่นแทบไม่เหลือที่ว่างให้เขายืน
เขาพูดด้วยอารมณ์ ส่วนผมหดหู่ใจ
ลูกผู้ชายของเขาก็ไม่สมควรที่จะมีเมีย
กลับบอกแม่
วันหลังแม่ไม่ต้องไปตัด ปล่อยมันไปเลย
หรือไม่ก็ทำรั่วไปเลยแม่ กั้นมันไปเลย....

ผมคิดด้วยอารมณ์ด้วยเช่นกัน
ความเป็นสุภาพบุรุษไม่แสดงออก

ผมได้ยินและเศร้าใจ
ก็แค่บอกให้ระวัง หรือรับผิดชอบต้นไม้ที่ตัดของตัวเองก็เท่านั้น
ไม่ใช่ตัดแล้วกองทิ้งไว้ในบ้านคนอื่นโดยไม่แสดงความรับผิดชอบ

แล้วเรื่องใหญ่ของชีวิตด้านอื่นละ
เขาเป็นอย่างไร ทำงานกับคนอื่นได้ไหม
และที่สำคัญ จะมีความสุขไหม หากคอยทำเป็นหัวไม้ขีดไฟ
เอาแต่เผาไหม้คนอื่นที่ทำให้ไม่พอใจ

ผมโกรธ งง ฉุน และทุกข์
ผ่านไปค่อนวัน ผมยังไม่ลืมกับคำพูดและความคิดของแม่-ลูก
ไอ้ควาย ไอ้เ_ย ไอ้โง่
คงไม่มีใครทนและชอบ หากมีคนด่าอย่างนั้น
ไม่พอใจและทำให้ทุกข์
ไปค่อนวัน

จนมานั่งคิด ทุกเช้าก็มักมีหมาเห่า
ก็เพราะรู้ว่าเป็นหมา จะไปโกรธ โมโหมาก จะดุด่ามันก็คงไม่เข้าใจ
มันเป็นเพียงเรื่อง
รำคาญ
ใจ รบกวนใจ
จะทุกข์หรือรู้สึกกับความรำคาญกับเรื่องรบกวนใจก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นมา

เหมือนขี้พยามสาดใส่ ขยะที่คนพยายามยัดเหยียดให้
หากรับผมคงเหม็น และเน่าตาม
ผมคงทุกข์และเจ็บปวดกับขี้และขยะเน่าๆ นั้น

ผ่านไปหนึ่งวัน
ความทุกข์และความไม่สบายใจที่เกิดขึ้น
ผมทบทวนและได้ข้อคิดว่า คนเราอย่าไปตามความรู้สึกกับทุกข์ที่เกิด
อย่าไปติดตามจนไม่สบายใจตาม แต่ควรเฝ้าดูอยู่เฉยๆ
และปล่อยกระบวนการของสิ่งที่เกิดขึ้นให้ผ่านไป
แต่ถ้าปล่อยและยึดติดมันก็จะรังแต่จะให้เกิดความเจ็บปวดทางใจ
และทุกข์ก็เป็นของเราคนเดียว ไม่มีใครมาแบกรับได้
แม้แต่คนที่ด่าว่าเราเขาก็ไม่มารับรู้ว่าเราเจ็บปวด

เวลานี้ ผมสบายใจ ไม่ได้มองว่าเป็นปัญหาของผม
เรื่องที่เกิด เป็นปัญหาของเขา
เขาคิดร้าย พูดร้าย ใจร้าย มองคนอื่นเลวร้าย
และมีแต่ไฟในตัวก็เป็นเรื่องของเขา
สำหรับเหตุการณ์นี้ ทำให้ผมเข้าใจกระบวนการของความทุกข์มากขึ้น
ผมต้องขอบคุณสองแม่ลูกที่ทำให้ผมเห็นอะไรๆ ได้ถ่องแท้ชัดเจน
และจัดการกับเรื่องไม่สบายใจได้ดีขึ้น

สำหรับปัญหานั้น ก็คงไม่ได้จบลงตามไปพร้อมกับความเข้าใจเรื่องทุกข์ของผม
มันยังคงอยู่ ถ้าเพื่อนบ้านหรือคนๆ นั้นยังเป็นอยู่
แต่มันก็เหนือการควบคุมของผม
เป็นเรื่องที่ผมจัดการอะไรไม่ได้
ที่ทำได้ก็คงเป็นเรื่องพื้นที่ทางใจของตัวเอง
ที่จัดการได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยตัวเอง

ส่วนจะเกิดอะไรอย่างไรต่อไปนั้น คงไม่ต้องไปกังกวลให้ไม่สบายใจอีก
เพราะเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งยังไม่เกิดขึ้น
ปัจจุบันเป็นเวลาสำคัญที่สุด ณ เวลานี้

http://lonelysyndrome.exteen.com/20090404/entry

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น