วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์

นานมาแล้วยังมีหมู่บ้านแห่งนึง ได้มียักษ์ตัวหนึ่งชอบเกะกะระรานคนในหมู่บ้านไปทั่ว ไม่ว่าจะแย่งชิงทรัพย์สินที่มีค่าของชาวบ้าน หรือลักพาตัวคนในหมู่บ้านกลับไปยังปราสาทลอยฟ้าของมัน เพื่อที่จะเก็บไว้กินเป็นอาหารในภายหลัง
แต่อยู่มาวันหนึ่ง ยักษ์ที่เคยอาละวาดนั้น กลับหายตัวไปอย่างลึกลับ มันไม่เคยปรากฎตัวต่อหน้าคนในหมู่บ้านอีกเลย

ใน ที่สุดหมู่บ้านนี้ก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง แต่ด้วยผลจากการระรานของเจ้ายักษ์ตนนั้น ทำให้หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่ยากจนและอดอยากตลอดมา



และแล้ววันเวลาล่วงเลยไปหลายปี ที่บ้านบนยอดเนินแห่งหนึ่ง มีแม่ลูกคู่นึงอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น
ฝ่าย ลูกชื่อแจ็ค ปีนี้อายุครบสิบห้าปีแล้ว แม้เขาจะถึงวัยเติบใหญ่เป็นหนุ่มแล้ว แต่ด้วยที่บ้านนี้นั้นไม่มีพ่อที่เป็นหัวหน้าครอบครัว จึงทำให้พวกเขาต้องอยู่อย่างอดอยากตลอดมา
แจ็คต้องเข้าป่าไปเก็บผลไม้มาให้ตัวเขาและแม่รับประทาน แต่นั่นก็ยังไม่พอเพียงที่จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้นเลยสักนิด

"เห็นทีจะต้องเอาเจ้าแก่ไปขายเสียแล้วล่ะ" แม่พูดกับแจ็คถึงเรื่องที่พวกเขาจะเอาเจ้าโคแก่ที่เลี้ยงไว้ไปขาย
"ขายทำไมล่ะแม่ เจ้าแก่มันอยู่กับเรามานานแล้วนะ สงสารมัน" แจ็คคัดค้าน เพราะเขาเองก็ผูกพันกับเจ้าแก่นี้มาก
" มันก็แก่ใกล้จะตายอยู่แล้ว หากมันแก่ตาย อย่างดีเราก็คงได้เนื้อมันมาทานแค่ไม่กี่มื้อ สู้เอามันไปขายให้ได้เงินมาซื้อไก่ซื้อผักมาเลี้ยงมาปลูกไม่ดีกว่าหรือ ?" แม่พูดให้แจ็คคิด ซึ่งแจ็คเองก็เห็นด้วย เพราะเจ้าแก่ ก็เป็นโคที่ชรามากแล้ว แม้แต่นมตอนนี้ก็ยังให้พวกเขาไม่ได้เลยสักหยด

หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้น แจ็คก็เตรียมตัวออกเดินทางที่จะพาเจ้าแก่ไปขายยังที่ตลาด
ตลาดที่แจ็คจะไปนั้นห่างไกลจากตัวหมู่บ้านมาก กว่าจะไปถึงคงจะใช้เวลาเกือบทั้งวัน ดังนั้นแจ็คจึงลาแม่ของเขาก่อนที่จะเริ่มออกเดินทาง

"ลาก่อนนะแม่" พูดเสร็จแจ็คก็เตรียมตัวที่จะเดินทาง
"เดี๋ยวก่อน เอานี่ไปด้วย" พูดเสร็จแม่ก็ยื่นสิ่งหนึ่งให้กับแจ็ค สิ่งนั้นเป็นขวานสองเล่ม เล่มนึงทำจากเงิน ส่วนอีกเล่มทำจากทอง
"แม่จ๋า ขวานสองเล่มนี้เป็นของดูต่างหน้าพ่อไม่ใช่หรือ ?" แจ็คถามกลับไปด้วยความสงสัย ขวานทั้งสองเล่มนี้เป็นสิ่งที่หลงเหลืออยู่ของพ่อแจ็ค หลังจากที่พ่อของแจ็คถูกยักษ์ฆ่าตาย
" เอามันไปขายด้วยเถอะ เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์ ความทรงจำมันกินไม่ได้ เก็บเอาไว้ก็อดตายเปล่า สู้ขายมันดีกว่า แถมมันยังเอาไปฟันไปสับอะไรก็ไม่ได้ ทื่อก็ทื่อ"
"ก็ได้จ๊ะแม่ แต่เอาไปทั้งสองอันคงแบกไปไม่ไหว เอาไปขายแค่อันเดียวก็พอแล้วมั้ง"
"งั้นเอาไปให้เจ้าแก่แบกสิ"
"จริงด้วยจ๊ะแม่"

ว่าแล้วแจ็คก็เอาขวานทั้งสองอันใส่ในห่อผ้าแล้วเอาไปผูกติดกับหลังของเจ้าแก่ แต่ทันทีที่ผูกเสร็จ เจ้าแก่ก็ทรุดฮวบลงไปในทันใด

"แม่จ๋า ดูเหมือนเจ้าแก่มันจะแบกไม่ไหวด้วยเหมือนกัน"
"งั้นก็เอาไปขายแค่เล่มเดียวก็ได้ เอาขวานทองไปก็แล้วกันมันขายได้ราคากว่า"
"ถ้าเช่นนั้นก็ตามนั้นล่ะแม่ แจ็คขอตัวไปก่อนนะ"



หลังจากร่ำลาเสร็จ แจ็คก็เริ่มออกเดินทางในทันที แต่หลังจากออกเดินจากบ้านได้ไม่ไกลนักชายแก่แปลกหน้าผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาทักแจ็ค

"จะไปไหนหรือเจ้าหนู" ชายแก่แปลกหน้าถาม
"จะไปยังตลาดในเมืองครับ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า ?"
"จะไปทำไมหรือ ?"
"ถามทำไมครับ ?" แจ็คเริ่มสงสัยในตัวชายแก่ผู้นี้
"เปล่า แค่ลองถามดู"
"ผมจะเอาของไปขายที่ตลาดครับ"

"งั้นเหรอ" ชายแก่ทำหน้าครุ่นคิด "เธอเป็นเด็กที่อยู่ในบ้านบนเนินหลังนั้นใช่ไหม ?" พูดเสร็จชายแก่ก็ชี้ไปทางบ้านของแจ็ค

"ใช่ครับ มีอะไรหรือเปล่า ?"
"งั้นเอาอย่างนี้ ฉันจะให้ถั่ววิเศษนี้กับเธอ เพื่อแลกกับวัวที่เธอจูงมา และห่อของที่อยู่ด้านหลังของเธอ" พูดเสร็จชายแก่ก็หยิบเอาเมล็ดถั่วสีเขียวเม็ดใหญ่เม็ดหนึ่งมาให้แจ็คดู
"ขอโทษครับ ผมไม่ขาย" แจ็คปฏิเสธในทันที
" ทำไมล่ะ ? เธอไม่รู้หรือไงว่าถั่วนี้วิเศษแค่ไหน ลองเอาไปปลูกที่ใกล้บ้านของเธอสิ มันจะงอกออกมาเป็นเงินเป็นทองให้เธอใช้ไม่มีวันหมดเลยนะ มันชอบอยู่ที่สูง แถวนี้ปลูกได้แค่เนินที่บ้านเธอตั้งอยู่แค่ที่เดียวเท่านั้น"
"ผมไม่ขายครับ"
" ทำไมล่ะ นี่ฉันพูดจริงไม่ได้พูดโกหกนะ ถั่ววิเศษแบบนี้หาไม่ได้ในโลกแล้ว แลกแค่วัวกับของในห่อที่เธอแบกอยู่เท่านั้น ใครไม่เอาก็โง่แล้ว"

"ถ้าผมยอมแลกนั่นสิผมถึงโง่ !" แจ็คเริ่มพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้น "ข้อแรก ผมกับคุณพึ่งรู้จักกันผมจะเชื่อใจคุณได้ยังไง ถึงจะเป็นคนที่รู้จักกันมานานผมก็ไม่เชื่ออย่างสนิทใจด้วยเหมือนกัน ข้อสอง ไม่มีใครยอมแลกเปลี่ยนที่ตัวเองเสียเปรียบหรอกนอกจากคนนั้นจะโง่หรือถูกหลอก คุณยังไม่รู้เลยว่าของที่อยู่ในห่อผ้านี้คืออะไร จะคุ้มค่าหรือไม่คุณก็เอาถั่วนั่นมาแลกแล้ว แปลว่าในห่อนี้จะเป็นอะไรก็ตามการแลกถั่วกับวัวและของที่อยู่ในห่อมันก็คุ้ม ค่าสำหรับคุณ ข้อสาม ของอย่างนั้นไม่มีจริงอยู่ในโลกหรอก ถั่วบ้าอะไรปลูกแล้วจะออกมาเป็นเงินทองได้ ใช้สมองคิดก็น่าจะรู้แล้ว มีแต่พวกโลภมากกับโง่มากเท่านั้นแหละถึงจะเชื่อ อีกอย่างถ้าหากถั่วนั่นมีจริงก็คงทำให้เงินเฟ้ออย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขาคงไม่ใช้เงินเป็นค่ากลางในการแลกเปลี่ยนสิ่งของแล้วล่ะ ผมไม่มีทางเชื่อคุณได้หรอก"

ด้วยการตอบที่รัวเป็นชุดพร้อมทั้งกับแสดงความรู้ทางด้านเศรษฐศาสตร์ ทำให้ชายแก่มึนงงไปพักใหญ่แต่กระนั้นชายแก่ก็ยังไม่ละความพยายาม
"เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฉันไม่เอาวัวกับของในห่อนั่นแล้ว ฉันให้ถั่วนี่ไปฟรี ๆ เลย"
"ไม่เอาครับ"
"อ๊ะ ทำไมล่ะ คราวนี้ให้เธอฟรี ๆ เลย ทำไมถึงยังไม่เอาอีกล่ะ"

"เพราะผมเชื่อว่าของถูกไม่มีดี ของฟรีไม่มีในโลกน่ะสิ" แล้วแจ๊คก็เริ่มอธิบายอย่างยืดยาวอีกครั้ง " ผมไม่เชื่อหรอกว่าการที่คนเราแจกของให้ผู้อื่นฟรี ๆ จะไม่มีจุดประสงค์อะไรแอบแฝง ตัวอย่างเช่นสินค้าที่แจกของฟรีตามท้องถนนหรือตามตลาด ที่เขาทำเช่นนั้นก็เพื่อแนะนำสินค้าของเขาให้เป็นที่รู้จักให้เป็นที่จดจำ หรือการบริจากหรือการทำงานช่วยการกุศลของร้านดังและสินค้าดังทั้งหลาย เขาก็ไม่ได้ทำเพราะใจบุญ แต่เพราะเขาต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตัวร้านหรือสินค้าต่างหาก ว่าเขาต้องการตอบแทนสังคม ต้องการช่วยเหลือสังคม เพื่อให้ตัวเขาดูดี แล้วจะได้มีคนที่ชื่นชอบมาซื้อของหรือใช้บริการเขาเยอะ ๆ ไม่ก็บริจาคเพื่อเอาหน้า ส่วนที่บริจาคเพราะใจบุญจริงผมก็ไม่เถียงว่าไม่มี แต่ผมไม่คิดว่าคงจะเป็นคุณแน่ที่ให้ถั่วผมฟรีแบบนี้ เพราะตอนแรกคุณก็พยายามจะหลอกขายถั่วนั่นกับผม แถมต่อมาก็จะให้ฟรีอีก ผมเลยเชื่อว่าเอาถั่วนั่นไปผมก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก เอาไปคงมีแต่เสียกับเสีย เนื่องจากคุณดูเหมือนจะมีเจตนาหลอกให้ผมเอาถั่วนั่นไปปลูกที่บ้านผมตั้งแต่ แรก"

นอกจากจะแสดงความรู้ทางด้านเศรษฐศาสตร์แล้ว แจ็คยังแสดงความรู้ทางด้านการตลาดอีก ทำให้ชายแก่เถียงไม่ออก
"ไม่เอาก็ไม่ต้องเอา !" พูดเสร็จชายแก่ก็หลบหน้าหนีไปในทันที
"งั้นก็ลาก่อนครับ" แจ็คพูดกับพร้อมกับก้มหัวเคารพชายแก่คนนั้นแกทีนึง ก่อนที่จะเดินทางไปตลาดต่อ



หลัง กลับมาจากตลาด สิ่งที่แจ็คได้กลับมาคือ ลูกเจี๊ยบคู่นึง กับถุงเมล็ดหัวไชเท้าอีกหนึ่งถุง และห่อผ้าที่ใส่ขวานทองคำไว้ เนื่องจากไม่สามารถขายมันได้
"จะฮาเวสต์มูนกันแล้วทีนี้" แจ็คพูด ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจสักเท่าไหร่ เพราะพวกพ่อค้าในตลาดกดราคาวัวของเขาเสียต่ำ แลกได้มาแค่ลูกเจี๊ยบกับถุงเมล็ดหัวไชเท่าเท่านั้น ทั้งที่เขาตั้งใจไว้ว่าจะเอาไก่สักคู่เพื่อเลี้ยงมาไว้กินไข่มัน นอกจากนี้พวกพ่อค้าในตลาดยังหาว่าขวานทองคำของพ่อเขาเป็นของปลอมอีก ทั้งที่มันหนักกว่าขวานทั่วไปจะตาย

ระหว่างที่แจ็คกลับเข้าบ้านนั่นเอง เขาก็เห็นแม่เขายิ้มแย้มรอต้อนรับแจ็คกลับบ้านอยู่
"มีอะไรหรือแม่ ?" แจ็คถามด้วยความสงสัย
"รู้ไหมว่าเราจะรวยกันแล้ว !" แม่ของแจ็คพูดด้วยความตื่นเต้น "หลังจากลูกออกจากบ้านไปได้ไม่นาน ก็มีชายแก่คนหนึ่งมาเสนอขายถั่ววิเศษกับแม่ โดยแลกแค่ขวานเงินของพ่อเขาเท่านั้นเอง ทีนี้นะพอถั่วมันโต มันก็จะออกผลเป็นเงินเป็นทอง เราจะรวยกันแล้วล่ะ !"
"โถ่.... แม่จ๋า" แจ็คพูดอะไรไม่ออก พร้อมกลับเข้าไปนั่งพักในบ้านอย่างเซ็ง ๆ



คืน นั้นเอง ระหว่างที่แจ็คกำลังนั่งขัดขวานทองคำของพ่อเขาอยู่ เขาก็รู้สึกได้ว่าแผ่นดินไหว แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แจ็คเข้านอน จนกระทั่งรุ่งเช้าเขาก็พบว่าแผ่นดินไหวนั่นคืออะไร
"แย่แล้วแจ็ค เรื่องถั่ววิเศษแม่โดนหลอกจริง ๆ ด้วย ดูสิ !" แล้วแม่ของแจ็คก็ลากแจ็กที่ยังงัวเงียอยู่ออกไปยังข้างนอกบ้าน
"มันก็แหงอยู่แล้วล่ะแม่ เรื่องถั่ววิเศษอะไรนั่น.... " แจ็กตะลึงจนไม่สามารถพูดอะไรได้ต่อเพราะภาพที่เห็นข้างหน้าคือ ต้นถั่ววิเศษที่แม่ของเขาปลูกไว้หน้าบ้านนั้น โตเป็นต้นถั่วยักษ์ที่สูงจนแทงทะลุเมฆบนท้องฟ้า

"ลองปีนขึ้นไปดูสิ"
"ครับ.... หา ?"
"ลองปีนขึ้นไปดูสิว่าข้างบนมีอะไร เผื่อมีผลเงินผลทองผลิดอกออกผลอยู่บนยอด แม่แก่แล้วปีนไม่ไหวหรอก"
"ก็ได้ครับแม่" แจ็คพยักหน้ารับคำ แล้วก็ปีนขึ้นไปบนต้นถั่วยักษ์ในทันที

ไม่ รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจแจ็ค ถ้าเป็นคนธรรมดาคงไม่ยอมปีนกันง่าย ๆ แบบนี้หรอก เพราะต้นถั่วมันทั้งสุงทั้งใหญ๋ กว่าจะปีนขึ้นไปได้ก็คงใช้เวลาเป็นวัน
แต่เพียงไม่ถึงชั่วโมงดี แจ็คก็สามารถปีนถึงยอดได้สำเร็จ ยอดของต้นถั่วสูงเลยก้อนเมฆไปนิดนึงพอดี ที่ยอดของต้นถั่วนั้นไม่มีอะไรเลย ทว่าถัดจากต้นถั่วยักษ์ลิบ ๆ นั้น กลับมีปราสาทมหึมาตั้งอยู่

ด้วยความสงสัยแจ็คจึงกระโดดออกจากต้นถั่วและเข้าไปในปราสาทหลังนั้นโดยทันที

ตั้งแต่ ทางเข้าปราสาท เข้ารู้สึกได้เลยว่ามีหลายอย่างที่ผิดปรกติ ประตูทางเข้ามันสูงและใหญ่มาก เครื่องเรือนต่าง ๆ ไม่ว่าโต๊ะ ตู้ เก้าอี้ ต่างก็ใหญ่มหึมาจนคนธรรมดาไม่สามารถนั่งได้
หรือย่างน้อย ๆ ขาของเก้าอี้ก็สูงเท่ากับตัวของแจ็กพอดี

"เธอมาที่นี่ได้ยังไง ?" แจ็คได้ยินเสียงนั้นจึงหันไปที่ต้นทางของเสียง

เสียงนั้นดังมาจากโต๊ะที่อยู่ข้างหน้าของเขา แจ็คปีนขึ้นไปดู ก็พบว่ามีเด็กสาวคนยืนอยู่บนนั้น
"เธอเป็นใคร ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ ?" แจ็คถามด้วยความสงสัย
"ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องถามเธอ ฉันถูกยักษ์นำมาขังไว้ในนี้ ว่าแต่เธอล่ะ เข้ามายังที่นี่ได้อย่างไร ?"
"ผมปีนขึ้นมาจากเมล็ดถั่วยักษ์ที่ชายแก่น่าสงสัยให้มา พอปีนมาถึงยอดก็เห็นปราสาทนี้แล้ว"

"อย่างนั้นเหรอ แย่ล่ะสิ" เด็กสาวเริ่มมีสีหน้าที่ไม่ค่อยสบายใจ "เธอเคยได้ยินไหม เรื่องที่เมื่อหลายปีก่อนมียักษ์ออกอาละวาดในหมู่บ้านบางหมู่บ้าน"
"เคยได้ยินสิ ทำไมเหรอ หรือว่ายักษ์ที่ว่าคือยักษ์ที่จับเธอมาขังไว้อย่างนั้นหรือ ?"
"ใช่แล้วล่ะ" เด็กสาวพยักหน้าตอบรับ " แต่เมื่อหลายปีก่อน บางคนที่ถูกยักษ์จับมา สามารถหนีออกจากกรงขังไปได้ล้วก็ไปทำลายบันไดที่ยักษ์ใช้ปีนขึ้นลงระหว่าง ที่นี่กับหมู่บ้านไปเสีย เจ้ายักษ์ก็เลยไม่สามารถลงไปยังหมู่บ้านข้างล่างได้อีก ทว่าท้ายสุดพวกเขาก็ถูกเจ้ายักษ์ฆ่ากินหมด เหลือแต่ฉันเพียงคนเดียว"

ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่นั้นเองก็มีเสียงดังตึงตังออกมาจากด้านในของปราสาท เสียงดังที่ออกมานั้นทำให้พื้นประสาทสั่นสะเทือน

"เจ้ายักษ์มันตื่นแล้ว เธอไปหลบก่อน ที่หลังตู้นั่นก็แล้วกัน" ว่า แล้วหญิงสาวกชี้ไปยังที่ตู้ยักษ์อันหนึ่ง ซึ่งบริเวณหลังตู้นั้นมีช่องว่างขนาดมากพอที่จะให้แจ็คหลบได้พอดี แจ็คจึงรีบเข้าไปหลบก่อนที่เจ้ายักษ์จะเดินมาเห็นเขา

ไม่นานหลังจาก ที่แจ็คไปซ่อนตัวเสร็จ เจ้ายักษ์ก็ปรากฎกายออกมา มันสูงใหญ่กว่าแจ็คมากนัก หากเทียบกัน แจ็กคงสูงไม่พ้นเพียงหัวเข่าของมันเท่านั้น
"ฟอ-หอ-กอ-ดอ เอก-อา-สอ-วอ ข้าว่าข้าได้กลิ่นมนุษย์" เจ้ายักษ์เริ่มทักถึงสิ่งผิดปรกติ
"ไม่ใช่หรอก บางทีอาจจะเป็นกลิ่นของอาหารที่ข้าเตรียมไว้ให้ท่านก็ได้" เด็กสาวพยายามพูดกลบเกลื่อน
"ฟอ-หอ-กอ-ดอ เอก-อา-สอ-วอ อย่างนั้นหรือ ?" เจ้ายักษ์ไม่ติดใจสงสัยอะไร ก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วก็รับประทานอาหารอย่างเพลิดเพลิน

หลัง จากทานอาหารเสร็จ เจ้ายักษ์ก็สั่งให้เด็กสาวนำถุงใส่สมบัติออกมา หลังจากที่เด็กสาวเอาถุงใส่สมบัติมาให้เจ้ายักษ์แล้ว เจ้ายักษ์ก็พูดกับเด็กสาวว่า
"ฟอ-หอ-กอ-ดอ เอก-อา-สอ-วอ หากมีพ่อมดมายังที่นี่ จงให้สมบัติเหล่านี้ครึ่งนึงแก่เขา"
"พ่อมด ? แล้วจะขึ้นมาที่นี่ได้อย่างไร ในเมื่อบันไดที่มายังที่นี่ได้ถูกทำลายไปเสียแล้ว"
" ฟอ-หอ-กอ-ดอ เอก-อา-สอ-วอ ไม่ต้องเป็นห่วงไป พ่อมดผู้นั้นจะขึ้นมาที่นี่ด้วยถั่ววิเศษ และถั่ววิเศษนั้นแหละที่จะเป็นบันไดอันใหม่ให้กับข้า ไปล่ามนุษย์ข้างล่างมาอีกได้"

ในที่สุดแจ็คก็รู้แล้วว่าชายแก่ น่าสงสัยผู้นั้นเป็นใคร และทำไมถึงอยากให้เขากับแม่ของเขาปลูกถั่ววิเศษเสียเหลือเกิน ที่แท้ก็เพื่อให้เจ้ายักษ์ตนนี้สามารถลงไปหมู่บ้านของเขาได้นี่เอง

"งั้นหากเขามาหาข้าจะเอาสมบัติเหล่านี้ให้เขาเอง ท่านนอนก่อนเถอะ" ว่าแล้วเด็กสาวก็นำไวน์มาให้เจ้ายักษ์ดื่มพร้อมกับบรรเลงพิณทองคำให้เจ้ายักษ์ฟัง

หลังจากนั้นเข้ายักษ์ก็หลับไป เด็กสาวก็บอกให้แจ็กออกมาจากที่ซ่อน
"ออกมาได้แล้ว เจ้ายักษ์หลับไปแล้วล่ะ กว่าจะตื่นก็คงจะหัวค่ำ"
"แย่ล่ะสิ เห็นทีต้องรีบไปโค่นต้นถั่วยักษ์นั่นทิ้งเสียแล้ว" แจ็คเริ่มกระวนกระวายใจ
"ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรือว่ากว่าจะตื่นก็คงหัวค่ำ ตอนนี้มีเรื่องอื่นที่ควรรีบทำยิ่งกว่า"

พูดเสร็จเด็กสาวก็พาแจ็คไปยังที่ห้องหนึ่ง ที่นั่นเต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติมากมายและห่านอีกตัวนึง
" ที่นี่คือที่เจ้ายักษ์เก็บสมบัติที่แย่งชิงมาจากหมู่บ้านด้านล่าง ก่อนที่จะหนีจากที่นี่แล้วโค่นต้นถั่วยักษ์นั่นทิ้ง ควรนำพวกนี้ออกไปด้วย"

เด็กสาวแนะนำซึ่งแจ็คเองก็เห็นด้วย ทั้งสองจึงช่วยกันขนทรัพย์สินออกจากปราสาทเจ้ายักษ์แล้วขนลงไปวางไว้ด้าน ล่างในบ้านของแจ็ค ซึ่งแม่ของเขาที่เห็นเหตุการณ์ถึงแม้จะช่วยขึ้นไปขนไม่ได้ แต่ก็ช่วยนำของเหล่านั้นไปเก็บไว้ในบ้าน
"ตาแก่นั่นไม่ได้โกหกจริง ๆ ด้วย ถั่ววิเศษออกผลทั้งเงินทั้งทองแถมออกผลเป็นหญิงสาวน่ารักด้วย !"
"ไม่ใช้แล้วจ๊ะแม่" แจ็คพูดปฏิเสธ
"เอ๊ะ เดี๋ยวสิ สมบัติพวกนี้หนักจะตาย มันหนักกว่าขวานเงินและขวานทองคำรวมกันเสียอีก ลูกแบบพวกนี้ลงมาได้ยังไง"
"แฮะ ๆ" แจ็คไม่ตอบ แล้วกลับขึ้นไปขนสมบัติอีกที

แต่ก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่น่าแปลก เพราะแจ็คเป็นเด็กผู้ชายแท้ ๆ แต่ฝ่ายเด็กสาวกลับปีนต้นถั่วได้คล่องแคล่วยิ่งกว่าเขาเสียอีก
"ก็เพราะทำงานรับใช้เจ้ายักษ์มาตลอด ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องปีนโต๊ะปีนเก้าอี้เสมอ เรื่องปีนชินซะแล้ว"

และ ทั้งสองก็ช่วยกันขนทรัพย์สมบัติของเจ้ายักษ์จนถึงเย็น ระหว่างที่กำลังขนสมบัติครั้งสุดท้ายซึ่งเป็นห่านอยู่นั้น ก็มีเสียงดังมาจากที่เจ้ายักษ์นอน

"แย่แล้วท่านยักษ์ เจ้ามนุษย์พวกนั้นกำลังขนสมบัติของท่านหนีไปหมดแล้ว"
เสียงนั่นไม่ใช่เสียงของใครที่ไหน มันเป็นเสียงของชายแก่ที่พยายามหลอกขายถั่ววิเศษให้กับแจ็กนั่นเอง
แล้วเจ้ายักษ์ก็สะดุ้งตื่น แล้วกวาดตามองไปรอบข้าง ส่วนแจ็คกับเด็กสาวต่างก็รีบวิ่งหนีให้เร็วที่สุด

ทั้ง สองรีบปีนลงมายังพื้นด้านล่าง เจ้ายักษ์เองก็รีบปีนลงมาด้วยเช่นกัน ส่วนฝ่ายชายแก่เฝ้ามองอยู่บนเมฆด้านบน เด็กสาวถึงพื้นก่อนจึงรีบเรียกให้แม่ของแจ็คเอาขวานมาให้ แม่ของแจ็คหยิบขวานทองคำมาให้กับเด็กสาว

"ขวานทองคำนี่มันอะไรกัน ทื่อก็ทื่อ ฟันต้นถั่วไม่เข้าเลยสักนิด"

ระหว่าง ที่บ่นนั่นเอง แจ็คก็ลงมาถึงพื้นแล้วก็หยิบขวานจากมือของเด็กสาวพร้อมกับพยายามฟันมันลงบน ต้นถั่วอย่างเต็มแรง แต่มันก็ยังก็ไม่ค่อยเข้าอยู่ดี
เจ้ายักษ์รู้ว่าตอนนี้คงไล่ทันแน่จึงยิ้มกริ่มพร้อมกับจ้องเขม็งมายังที่ทั้งสามเบื้องล่าง

แต่ ทันใดนั้นเอง ระหว่างที่ฟัน ตัวขวานกับแสงแดดก็ทำมุมอะซิมุธกันอย่างไม่น่าเชื่อ สะท้อนส่องเข้าตาเจ้ายักษ์พอดี ทำให้เจ้ายักษ์ผงะ คว้าต้นถั่วพลาด ก่อนที่จะร่วงลงมา
แจ็ค แม่ของแจ็ค และเด็กสาวเห็นท่าไม่ดี จึงรีบหนีจากบริเวณนั้น เจ้ายักษ์เองก็ตกลงมาพอดีโดยเอาหัวฟาดลงมาจนคอหัวตาย โดยส่วนมือของเจ้ายักษ์นั้นก็ไปปัดเอาขวานทองคำที่ค้างอยู่กับลำต้นถั่ว ยักษ์เข้า จนขวานทองคำที่ข้างอยู่นั้นก็งัดเอาต้นถั่วนั้นขาดเป็นสองท่อง

"เฮ้ย ! แล้วข้าจะลงไปยังไง !" นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่ได้ยินจากบนฟากฟ้า




และ แล้ววันรุ่งขึ้น หลังจากที่แจ็คได้จัดการกับศพของเจ้าบักษ์แล้ว เขาก็นำทรัพย์สมบัติที่ได้มานั้นมาแบ่งแจกจ่ายกับคนในหมู่บ้าน ยกเว้นแต่ห่านกับพิณทองคำที่แจ็คและเด็กสาวแยกเก็บเอาไว้เป็นของตนเอง ส่วนแม่ของแจ็คก็เล่าถึงวีรกรรมที่เกิดขึ้น
"แม่จ๋า คนที่ซื้อเมล็ดถั่วคือแม่ไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ผมสักหน่อย" แจ็ค พูดค้านหลังจากที่ได้ยินวีรกรรมที่แม่ของเขาเล่าให้ผู้อื่นฟัง ซึ่งเรื่องนี้เองก็กลายเป็นนิทานพื้นบ้านเรื่องแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ในภายหลัง

ส่วนแจ็คและเด็กสาวก็ได้แต่งงานกัน และอยู่กันอย่างมีความสุขกับแม่ของเขาเรื่อยมา



ภาคเสริม :
แต่ หลังจากนั้นไม่นาน ที่หมู่บ้านของแจ็คก็ได้เกิดภัยธรรมชาติขึ้น ละอองฝนสีเหลืองที่มีกลิ่นฉุน ก็ได้ตกลงมาอย่างไม่ขาดสายเฉพาะบริเวณบ้านของเขา จึงจำเป็นที่ทำให้แจ็ค เด็กสาวและแม่ของเขาต้องย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านอื่น
ซึ่งเขานั้นก็ได้นำ ห่านที่ขโมยมาจากเจ้ายักษ์ไปด้วย เพื่อที่จะใช้เป็นทุนในการตั้งรกรากยังที่แห่งใหม่ เพราะห่านตัวนั้นออกไข่เป็นทองคำ !

แต่การที่มีห่านตัวนี้เป็นที่อิจฉาของเพื่อนบ้านเป็นอย่างมาก หลายคนพยายามข่มขู่ใส่ร้ายแจ็คและครอบครัวเพราะเรื่องห่านทองคำอยู่เสมอ

ถึงแม้แจ็คจะสามารถมีเงินไข่ทองคำของห่านตัวนั้นแค่ไหน แต่เขาก็ไม่มีความสุขเลย
แจ็คเลยตัดสินใจที่จะปล่อยห่านตัวนั้นกลับสู่ป่า และกุข่าวออกไปว่าเขาได้จัดการฆ่าห่านตัวนั้นทิ้งไปแล้ว
และ ในที่หมู่บ้านนั้นเองการกระทำของแจ็คก็ได้เป็นที่เล่าขานกันมาในหมู่บ้าน แห่งนั้น เพราะความอิจฉาและเกลียดชัง เรื่องราวของแจ็คจึงถูกบิดเบือน จนกลายเป็นว่าแจ็ค แม่ของแจ็ค และเด็กสาวเป็นคนแก่ตายายสองคนแทน

ส่วนแจ็คนั้นหลังจากปล่อยห่านกลับสู่ป่าไม่กี่เดือนก็ทนอยู่ที่นั่นไม่ไหว และย้ายกลับมาอยู่ยังที่ใกล้ ๆ กับหมู่บ้านแห่งเดิม



นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า..... ว่า..... หาเอาเองก็แล้วกัน
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=zoname&group=1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น