วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552

No Reservation




วันก่อนดู HBO เรื่อง No Reservation เปิดเจอโดยบังเอิญ สนุกดี

ย่อหน้าข้างล่างเป็นบทวิจารณ์ของติสตู จากมติชน (ไปค้นหามาจาก google)

หนัง ที่นำเสนอในแนวทางโรแมนติคคอมเมดี้ ว่าด้วยเรื่องชวนหัวพ่อแง่แม่งอนของเชฟหนุ่มผู้ถนัดอาหารอิตาเลียน กับเชฟสาวผู้หลงใหลอาหารฝรั่งเศสที่ต้องโคจรมาอยู่ในครัวเดียวกัน แต่หนังก็เล่าเรื่องมากกว่าแค่ เธอฉันแข่งกันปรุงอาหารแล้วเราก็รักกันในครัว

- -หนังเทน้ำหนักให้เห็นปัญหาในการสร้างสัมพันธภาพของ "เคท" (แคทเทอรีน ซีตา โจนส์)...เชฟสาวผู้เคร่งครัดต่อการทำงาน และใช้ชีวิตประจำวันซ้ำๆ ซากๆ

- -แม้เคทจะทำได้ดีในบทบาทของเชฟ...เธอมีความรับผิดชอบและภักดีอย่างแน่วแน่ ต่อวิชาชีพ...เคทคือหัวหน้าเชฟผู้สามารถบริหารจัดการ ควบคุมความยุ่งเหยิงวุ่นวายภายในครัวได้อย่างลงตัว เป็นนักสมบูรณ์แบบในครัวตัวจริง

แต่นอกร้านอาหาร นอกห้องครัว เคทเลือกใช้ชีวิตปิดกั้นความสัมพันธ์ ปฏิเสธแม้กระทั่งมิตรภาพฉันเพื่อนที่ไม่มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ

ผล ที่เห็นชัดเมื่อเธอต้องดูแล "โซอี้" (อบิเกล เบรสลิน หนูน้อยน่าเอ็นดูใน Little Miss Sunshine) หลานสาวกำพร้า ความเป็นนักสมบูรณ์แบบในหน้าที่การงานแทบจะหายหมดไป

นอกจากเธอจะปรับ ตัวกับหลานสาวได้ยากยิ่ง แล้ว เคทที่ดูเป็นคนประณีต ละเอียดลออในการปรุงอาหารกลับไม่สามารถละเอียดลออต่อ การใช้ชีวิต และไม่สามารถใส่ใจต่อรายละเอียดของหลานสาวได้...

การเปรียบเปรยที่ดี คือเคททำอาหารชั้น เยี่ยมให้หลานสาว แต่เธอไม่รู้ว่าทำไมหลานสาวถึงไม่กินอาหารจานเลิศนั้น แต่เลือกจะกินสปาเกตตี้ง่ายๆ จากเชฟอาหารอิตาเลียนที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเชฟให้เธอ

หนัง เล่าเรื่องง่ายๆ ไม่สลับซับซ้อน มีความเป็นสูตรสำเร็จที่ให้ตัวละครหมักหมมกับปัญหานั้นมานาน และมีตัวละครก้าวเข้ามาในชีวิต พร้อมสถานการณ์ที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ และเข้าใจในที่สุด

แต่อย่างน้อยหนังได้พูดถึงคนในสังคม เมืองประเภทที่ใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกต้องสมบูรณ์แบบตลอดเวลา แต่กลับเบาโหวงทางใจ ไม่มีที่ยึดเหนี่ยว

ภายใต้ความมั่นใจในการควบ คุม "บางสิ่ง" ได้ แต่...บางครั้งก็ยากที่จะให้ชีวิตเป็นสูตรสำเร็จเหมือนสูตรอาหารที่ดำเนิน ชีวิตไปตามเครื่องปรุงรส ตามวิธีปรุง ถ้าทำตามสูตรอาหารได้ดีมันก็ออกมาดี ทำแย่มันก็ออกมาแย่ แต่ในชีวิตจริงๆ หาเป็นเช่นนั้น




แม้ หนังจะมี บรรยากาศแง่งามของศิลปะแห่ง การปรุงอาหาร แต่การปรุงอาหารก็แตกต่างจากการดำเนินชีวิตที่คนปรุงแต่ละคนย่อมมีรูปแบบ ลีลา น้ำหนักมากน้อยต่างกัน...เคทเองต้องค่อยๆ เรียนรู้ว่าแม้จะตั้งใจปรุงอย่างสุดฝีมือ ย่อมมีทั้งคนชอบ เพราะถูกปาก กับคนที่ไม่ชอบอาหารที่เธอทำ

และคนที่ไม่ชอบก็ไม่ใช่คนผิด แต่เพราะอาหารนั้นไม่ต้องจริตเขานั่นเอง กว่าเธอจะเข้าใจและยอมรับในความแตกต่าง ว่าบางครั้งความสมบูรณ์แบบก็ไม่ใช่ ที่สุดของบางคน

บางครั้งการยอมรับในความแตกต่าง ความชอบ/ไม่ชอบที่ต่างกันคือความรื่นรมย์ของชีวิต อาหารรสเลิศที่ขึ้นชื่อลือชาของฝรั่งเศสทั้งเห็ดทรัฟเฟิล หรือฟัวกรา ที่เคทยกย่อง อาจเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ให้ค่าและมาตรฐานว่าเป็นของดี สิ่งดี แต่ใช่ว่ามันจะ "ใช่" สำหรับทุกคน เช่นที่หลานสาวของเธออยากกินแค่ "แพนเค้ก" บิดๆ เบี้ยวๆ กึ่งเกรียม ที่มาจากความสุขในการลงมือทำ

เพราะบางครั้งเราก็เลือกจะกินและทำอะไรให้ง่าย เพื่อให้ชีวิตซับซ้อนน้อยลง

---------------------------------------
ฮะแฮ่มต่อไปนี้เป็นบทวิจารณ์ของข้าพเจ้า (เขียนตามใจตัวเอง ไม่มีหลักการใดๆ)

ดูๆ ไปก็พบว่ามีหลายอย่างที่เราชอบในหนังเรื่องนี้แฮะ (นอกจากหน้าสวยๆสุดแสนจะ sexy ของนางเอกแล้วอ่ะนะ) ชอบฉากการทำงานในครัว การปรุงอาหาร มันช่างดูพิถีพิถัน ปราณีต บรรเจิด ทว่ารวดเร็วประดุจการทำงานศิลปะ อารมณ์ประมาณแนว impressionism ไงงั้น

แม้เนื้อเรื่องจะไม่ได้ซับ ซ้อนลึกซึ้งอะไรมากมายนัก แต่ว่าหนังก็มีเสน่ห์มากพอที่จะทำให้เราติดตามต่อไปได้จนจบ ชอบการดำเนินเรื่องที่ให้เห็นการเปลี่ยนผ่านของตัวนางเอก "เคท" จากคนที่เน้นความสมบูรณ์แบบ มีระเบียบระบบที่ชัดเจน ตายตัวกับทุกสิ่ง ไปสู่ความผ่อนคลายมีชีวิตชีวา เมื่อความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงเดินทางมาเคาะประตูชีวิตของเธอ

อืม... ชอบฉากที่เคทตัดสินใจที่จะยอมผ่อนปรนและผ่อนคลายกับตนเอง เพื่อเปิดรับประสบการณ์ใหม่ ของการสร้างความสัมพันธ์ที่รื่นเริง+ผ่อนคลายกับโซอี้ หลานสาว (หลังจากผ่านการทะเลาะกับหลานสาว และนั่งร้องไห้ด้วยกันตอนดู VDO เก่าๆที่โซอี้เคยไปทะเลกับแม่ของเธอ) เช้าวันนั้น เคทเลือกที่จะลางาน เพียงเพื่อจะอยู่เล่นเกมเศรษฐีกับหลานสาวที่บ้าน ฉากนี้มีชีวิตชีวา สนุกสนาน เรารู้สึกได้ว่าเราเห็นพลังชีวิตของนางเอก ค่อยๆผลิบาน ออกมาจากกรอบแคบๆที่เธอวางไว้กับตัวเอง

ชอบพระเอกด้วย ช่างไร้ระเบียบแบบแผน มีชีวิตชีวา ทำอะไรตามใจตัวเองได้สนุกดีแท้ แต่ขณะเดียวกัน เขาก็อ่อนโยนมากพอที่จะเข้าถึงจิตใจของโซอี้และเคทได้ ใส่ใจและดูแลคนรอบข้างอย่างเป็นธรรมชาติ

แต่ฉากที่สะใจมักๆ คงเป็นฉากที่ นางเอกเดินถือมีดเสียบชิ้นสเต๊กสดๆ เดินฉับๆ ไปที่โต๊ะลูกค้า พร้อมกับปักมีดที่เสียบสเต๊กชิ้นนั้น ฉึก! ลงไปบนโต๊ะลูกค้าคนที่ี่สั่งสเต๊กจานเดิมซ้ำ 2 หน เพราะไม่พอใจกับสเต๊กที่เคทปรุงให้ พลางหันไปบอกเจ้าของร้าน (ไฮโซ) ด้วยน้ำเสียงสะใจแบบสุดๆว่า "ฉันรู้สึกดีจัง ที่ได้ทำแบบนี้" แล้วก็ถอดผ้ากันเปื้อนโยนทิ้ง เดินไปขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้าน ท่ามกลางความตกตะลึงของคนทั้งร้าน เป็นอันว่าเธอได้ตัดสินใจลาออกจากงานที่เธอทำมากว่า 20 ปี ในวันนั้นเอง

ตอน จบเป็นไงก็ไปหาดูกันเอาเองละกันเน้อ เป็นหนังที่ดูได้เพลินๆ สนุกดี ใครที่เป็นแฟนแคทเธอรีน ซีต้าโจนส์ น่าจะตกหลุมรักเธออีกทีได้ไม่ยากเมื่อดูหนังเรื่องนี้จบลง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น